[spin9] รีวิว Business Class สายการบิน Japan Airlines — ความญี่ปุ่นจัดเต็มขั้นสุด (Boeing 777-300ER)
สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ สวัสดีค่ะ ซู่ชิง ค่ะ ตอนนี้เราสองคนอยู่ที่สนามบินโตเกียว นาริตะ ไม่ได้พาทุกคนมาเที่ยวญี่ปุ่นแต่ว่าวันนี้เรามารีวิวไฟล์ต เรากำลังจะบินจากที่นี่โตเกียวไปที่ซานฟรานซิสโกกัน โดยสายการบิน Japan Airlines Business Class วันนี้ บรรยากาศในสนามบินจริงๆ ก็คนเยอะกว่าที่คิดนะ แต่ว่าร้านต่างๆ ยังไม่กลับมาเปิด 100% มันมีบางร้านที่เห็นแล้วก็ยังแบบขนมญี่ปุ่นที่เราคิดถึง ร้านขนมร้านของฝากเปิดบ้างแล้วเหมือนกัน ก็คือขนมที่เราคุ้นเคยๆ พอจะหาซื้อได้ ถ้าเกิดสมมุติว่าเปลี่ยนเครื่องกลับกรุงเทพนะ แต่ว่าถ้าเกิดร้านแบรนด์เนมหรือว่าเต็มที่อาจจะที่ยังไม่ได้เปิดขนาดนั้น พึ่งเปิดประมาณครึ่งเดียวเองตอนนี้ ใช่ อย่างเลานจ์เมื่อกี้ที่เราไปนั่งแทบไม่มีของกินเลย เศร้ามาก ส่วนเรื่องเข้าประเทศก็ต้องรออัปเดต ว่าญี่ปุ่นจะเปิดให้เราเข้าไปเที่ยวได้แบบง่ายๆ เมื่อไหร่ คือที่ยากๆ มีมาตราการเริ่มออกมาแล้ว ว่าจะต้องขอวีซ่าหรือว่าเข้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์จำกัดจำนวนคนที่จะเข้าอะไรอย่างนี้ ก็อาจจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดี๋ยวเราคงได้เที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างแน่นอนแหละ แต่ว่าวันนี้เราพาทุกคนไปซานฟรานซิสโกกันนะครับ กำลังจะเดินไปขึ้นเครื่อง วันนี้เป็น Boeing 777-300ER ของ Japan Airlines จริงๆ แล้วไฟล์ตวันนี้มี First Class ด้วยแต่ว่าเราบิน Business กัน โอเค เดี๋ยวไปดูกันเลย จริงๆ แล้วก็ใช้เลานจ์ได้แต่ว่าเลานจ์ก็ยังเปิดแบบไม่เต็ม capacity เหมือนเดิม ก็คือเปิดแล้วก็มีแค่ 1 เลานจ์เท่านั้นที่จะแชร์กัน แล้วก็อาหารเราจะเห็นว่ายังไม่เปิด ยังไม่เปิด อาหารเดียวที่มีมันคือแบบคุกกี้อันเล็กๆ ถั่วอันเล็กๆ อะไรอย่างนี้ ก็แบบอิ่มเลย ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเดี๋ยวอีกสักพักหนึ่งก็คงกลับมาเต็มที่ ก็ยังดีกว่าไม่มี ไป ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ไปกัน มีรถแต่ว่ามีช่วงที่ไม่ได้ใช้งานสามารถนำมาหารายได้ด้วย Haupcar Haupcar แพลตฟอร์มแชร์รถอัจฉริยะดูสถานะได้ตลอดเวลา ง่าย สะดวก ปลอดภัย ปลดล็อกได้ผ่านแอปไม่ต้องส่งต่อกุญแจ รถของคุณเป็นช่องทางหาเงินได้ สมัครเลยผ่านแอป Haup หรือว่า www.haupcar.com/partner ครับ ที่นั่ง Business Class ของ Japan Airlines เขาแปลกนิดหนึ่งคือไม่ค่อยเห็นเขาจะแบ่งเป็น 2-3-2 คือปกติ Business เขาจะเป็น 1-2-1 ใช่ป่ะ อันนี้ริมหน้าต่างมันจะมี 2 ที่อยู่ด้วยกัน แต่ว่าเป็นแบบข้างในเวลาจะออกมาข้างนอกคนนี้ไม่ต้องลุกก่อน เพราะว่าเขามีทางเข้าของเขาเองอยู่ตรงนี้แคบๆ ดูมีความเป็นแบบอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นมากเลย เหมือนกับว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มมาก ตรงกลาง 3 ที่ปกติถ้าที่นั่งตรงกลางคือต้องโกรธมาก แต่ว่าที่ต้องการกลางก็มีทางเข้าของตัวเอง แต่มันก็แคบอยู่เหมือนกันนะ คือเหมือนกับว่าทุกที่เหมือนเป็นริมทางเดินหมด ก็คือไม่ต้องมีใครลุกให้ใครทั้งนั้น ซึ่งก็ถือว่าจัดพื้นที่ได้ยอดเยี่ยม แต่ละที่ไม่ได้ใหญ่มากแต่ว่าความเป็นส่วนตัวก็ถือว่าพอมีเลยแหละ ที่นั่งที่ติดกัน 2 อันนี้จริงๆ แล้วฉากกั้นนี้เอาขึ้นได้ที่เดี๋ยวเราเอาขึ้นให้ดู วันนี้ผมนั่ง 5A แล้วก็ซู่ชิงนั่ง 5C เข้าไปที่นั่งตัวเองเดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่เธอไม่ได้บอกทุกคนก็คือเธอขโมยที่นั่งเรา จริงๆ แล้วนี่คือที่นั่งเรา เราเลือกริมหน้าต่างเพราะว่าเวลาเราถ่ายจะได้ไม่รบกวนมากเผื่อมีคนนั่งตรงนั้นอาจจะเห็นเยอะ ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่มาแต่ถ้าเขาไม่มาก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอจะรู้ว่าที่เรานั่งตรงนี้เราเสียสละ เพราะที่นั่งตรงนี้ดีกว่านิดหนึ่ง ก็เมื่อกี้ขามาที่นี่เราก็นั่งตรงนั้นไปแล้วเราเสียสละไปแล้ว แล้วมันดีกว่ายังไง เดี๋ยวเล่าให้ฟังว่าดีกว่ายังไง เราพาทัวร์ที่นั่งกันว่ามีอะไรให้บ้าง ก็เข้ามาปุ๊บจริงๆ ที่นั่งก็ไม่ได้แคบขนาดนั้นนะ ก็โอเคเลยนะ ก็โอเคแล้วถ้าเดินทางด้วยกันก็ใกล้ชิดกันได้ คือเหมือนกับแทบจะเป็นเก้าอี้แถวเดียวกันเลย แต่ว่าเขาแยกที่นั่งแยกด้วยกำแพงอันนี้นะครับ ถ้าไม่ได้มาด้วยกันอันนี้เอาขึ้นได้ด้วยรีโมท เดี๋ยวกดก่อน ปิดให้ดูก่อนถ้าสมมุติไม่ได้มาด้วยกันมันคือก็เป็นส่วนตัวพอสมควรนะครับ ถ้ามาด้วยกันก็ใกล้ชิดกันได้ค่อนข้างมาก ฮัลโหล แต่พอปิดปุ๊บเราก็ไม่เห็นวิวเลยนะ เราก็จะอดมองวิวข้างหน้าต่าง คนนี้แกล้งได้นิดหนึ่งนะครับ ด้านหน้าตรงนี้ ตรงนี้ก็จะเป็นที่ว่างเท้าเวลาที่เราปรับที่นั่งนอนแล้วนะครับ ก็แทบจะเป็นเตียงราบ 180 องศาเลยมีโต๊ะเล็กๆ ตรงนี้ ให้วางของอะไรได้นิดหน่อยแต่ว่าไม่ใช่โต๊ะกินข้าวนะ โต๊ะกินข้าวจะกางมาจากด้านข้างตรงนี้ กระเป๋า Amenity น่ารักมากเดี๋ยวให้ซู่ชิงเป็นคนแกะให้ดู ของที่เขาให้มาก็จะมีผ้า มีเมนูอาหารหูฟัง มีรองเท้าแตะนะครับ มีที่วางหนังสือตรงนี้พวก Magazine ต่างๆ ตอนนี้เข้าใจว่า COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ก็กลับมาให้พวก Magazine อีกครั้งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยนะครับ สำหรับปุ่มปรับที่นั่งก็มันดูเก่านิดหนึ่งนะ ปุ่มก็เริ่มลอกแล้ว ก็มีปุ่มปรับที่นั่งแบบเร็วๆ นะครับ ปรับได้ละเอียดพอสมควรเลยหลายจุด ไฟอ่านหนังสือแล้วก็ตรงนี้ก็คือฉากกั้นเมื่อกี้ที่เรากดให้ดูนั่นเอง แล้วก็ด้านหน้าตรงนี้ก็จะมีปลั๊ก Universal มาให้ แล้วก็จะมีช่องเสียบอันนี้ไม่มีใครใช้แล้ว AV -IN สีเหลือง แล้วก็มี USB Type A มาให้นะครับ แล้วก็จะมีโต๊ะเล็กๆ ตรงนี้ให้เราวางนู่นนี่นั่นได้นิดหน่อย สังเกตว่าเราไม่มีช่องเก็บของเลยอ่ะ คือเมื่อกี้เราจะเอาพวก Charger โทรศัพท์ เราจะเอาโทรศัพท์เราวางตอนนี้เครื่องหนึ่งอ่ะเรายังไม่มีที่วางเลย เธอหาไม่เจอหรือเปล่า ไม่มีจริงๆ ไม่มีแล้ว แต่ก็ไม่มีจริงๆ เมื่อกี้ที่เรานั่งขาก็ไม่มี ไม่มี อันนี้แหละเป็นที่ที่เราบอกว่ามันแตกต่างกัน คือที่นั่งที่ถัดก็มานิดหนึ่งอ่ะมันดีกว่าตรงที่มันมีหลายอย่าง ซู่ชิงทัวร์ต่อ เธอมันไม่มีอภิสิทธิ์ นี่ จะเห็นว่าของเรานะตรงนี้ก็จะเป็นแบบ Pocket มาเลยใส่ของได้เยอะเลยแหละ นี่เราทำหน้าที่เป็นคนเก็บรักษา Gadget ให้ Nintendo มีแท็บเล็ต 2 อันมีอุปกรณ์ต่างๆ ก็คือใส่ใน Pocket นี้ได้เลย นอกจากตรงนี้แล้วเรายังมีที่เหลือกว่าเธอด้วยไหนขอดูสีหน้าคนแพ้หน่อยสิ เพราะว่ามีช่องตรงนี้ให้วางของได้ นี่ก็จะมีแบบเป็นพวกเอกสารต่างๆ นะคะ มี Magazine ที่เสียบเข้าไปตรงนี้แล้วเรามีที่วางของอีกเยอะนะเราเข้าไปวิ่งตรงนี้ได้เลยอ่ะ เราตีแบด ตีเทนนิสได้เลย ไม่ได้หรอ อันนี้เป็นที่แขวนหูฟัง ก็ถือว่าเรามีช่องใส่ของที่เพียงพอเลยทีเดียว มันจะไม่มีประตู เพราะฉะนั้นความเป็นส่วนตัวระหว่างที่นั่งตอนนี้ไม่คนนั่งตรงนี้ เธอหันให้ดูว่าถ้าเกิดนั่งก็จะเห็นกันเยอะเหมือนกันนะ จริงๆ ก็ค่อนข้างใกล้กันนะ ใกล้กันพอสมควรเลยแหละ มาแกะกันดีกว่า มันน่ารักนะ เปิดออกมาถึงปุ๊บเราจะดูอย่างแรกเลย ก็คือรายละเอียดที่บอกว่านี่คือแบรนด์อะไรเรื่องราวเป็นยังไงนะคะ ก็คือเป็นแบรนด์ Maison Kitsuné Paris อ่านถูกไหม เป็นแบรนด์ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างปารีสกับโตเกียว มีความฝรั่งเศสแล้วก็มีความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในตัวนะคะ เขาก็จะมีอธิบายมี QR Code ให้ไปดูเรื่องราวของแบรนด์ได้ มาดูข้างในกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง หรูหรามาก มีทิชชูให้ มีทิชชูแล้วก็มีสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับเราโดยเฉพาะในไฟล์ตนี้ นั่นก็คือที่อุดหูนะคะ มีแปรงสีฟัน แน่นอนว่ามี Eye Mask เธอโลโก้เขาน่ารักนะ เขามีชอปในกรุงเทพด้วยใช่ป่ะ มีอยู่ EmQuartier โอเค แล้วก็มีอันนี้ Moisture Mask ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า Mask อะไร หน้ากากอนามัย เป็นหน้ากากอนามัยที่มีคำว่ามอยส์เจอร์อยู่ด้วยก็น่าจะแปลว่าออกแบบมาเป็นอย่างดี แกะดูสักหน่อยดีกว่า ว่ามันมอยส์เจอร์ยังไง ข้างในก็มีหุ้มให้อีกชั้นหนึ่ง เป็นญี่ปุ่น มี Wet Sheet ให้อยู่ตรงนี้ด้วย เขาจะมีวิธีบอกเลยว่าเอา Wet Sheet ก็คือแผ่นเปียกออกมาจากพลาสติก ใส่เข้าไปข้างในตรงนี้ มันก็เลยมีความมอยส์เจอร์ได้ไง เดี๋ยวลองๆ เราจะสอนภาษาไทยที่แปลกประหลาดมาก โอเค ก็คือหน้ากากอนามัยภาษาไทยจะเรียกว่าแมสก์ ใช่ แต่ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงมาสก์หน้าอันนั้นจะเรียกว่ามาสก์ แต่ภาษาอังกฤษเป็นคำเดียวกัน เธอพูดอีกก็ถูกอีก อันนี้คือภาษาไทยป่ะ มันเป็นเรื่องของภาษาไทยที่เอาคำนี้มาเรียก ก็คือประมาณว่าอันนี้จะเอาสำเนียงมาจากอเมริกัน อันนี้ฉันจะเอาสำเนียงมาจากอังกฤษ ขึ้นอยู่กับความพอใจว่าฉันจะเลือกสำเนียงมาจากประเทศไหน และคำว่าแมสก์อาจจะเป็น Messenger ได้ด้วยในภาษาไทย ทั้งที่จริงๆ แล้วมันเป็นเมส มันเป็น Me แต่ว่าส่งแมสก์ๆ โคตรประหลาด เซรุ่มด้วย เซรุ่ม เซรั่มก็คำเดียวกันป่ะ ใช่ๆ แต่คำละความหมายในไทย จะเอาเซรั่มมาทาหน้าหรือจะเอาเซรุ่มมาทาหน้าไม่ได้ ผิดความหมาย ในกระเป๋ามีแค่นี้ หมดแล้ว เราพามาดูห้องน้ำของห้องผู้โดยสาร Business Class บน JAL กันบ้างนะครับ Japan Airlines ก็เป็นสายการบินญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ เพียงแค่ 2 สายการบินเท่านั้นที่ผมเห็นว่าห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เหมือนกับห้องน้ำญี่ปุ่นทั่วๆ ไปนะครับ ก็คือมี JAL กับ ANA ที่มีแบบนี้มาให้นะครับ เรียกว่าใส่ใจกันถึงในห้องน้ำเลยทีเดียวครับ แล้วก็มี Amenity มาให้ครบถ้วนเลยนะครับ พวกแปรงสีฟันต่างๆ น้ำยาบ้วนปากนะครับ Clean สบู่ล้างมือนะครับ อันนี้ก็เป็นแบบเซ็นเซอร์ มีกระดาษหลากหลายประเภทให้นะครับ แม้ว่าขนาดจะไม่ได้ใหญ่มาก ก็เป็นไซส์ห้องน้ำเครื่องบินทั่วๆ ไปนี่แหละ แต่ว่าเรื่องของความสะอาดแล้วก็สิ่งของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาครบครันมาก เดี๋ยวจะพาดูเมนูอาหารของไฟล์ตนี้ เล่มหนาเลยเพราะว่ามันเป็นไฟล์ตยาวนะ โตเกียวถึงซานฟรานก็ 10 กว่าชั่วโมง มาดูกันของ Japan Airlines นะครับ ดูแค่ลิสต์ของเครื่องดื่ม คือมัน 2 ภาษามันก็จะตัวหนังสือเยอะนิดหนึ่งนะครับ แต่ว่าลิสต์เขาแน่นมากเลยนะครับ มีแชมเปญ มีไวน์ขาว ไวน์แดง แต่ละอย่างก็มี Selection ให้เลือกเยอะนะครับ แล้วก็ที่มันเพิ่มเติมจากสายการบินอื่นๆ ก็คือเขาจะมีเมนูที่เป็นเครื่องดื่มของญี่ปุ่นเลย อย่างเช่นเป็นไวน์ญี่ปุ่น หรือว่าเป็นวิสกี้ญี่ปุ่นหรือว่าเป็นพวกสาเกที่มี Selection ค่อนข้างเยอะนะครับ หรือว่าแม้กระทั่งเป็นพวกเครื่องดื่มที่ Japan Airlines คิดค้นขึ้นมาเอง ก็จะเป็น JAL Original Drink นะครับ อันนี้ผมลองแล้วอร่อยมาก หรือว่าพวก Soft drink ต่างๆ ก็ตัวเลือกเยอะมาก ชาเขียว ชาประเภทต่างๆ นะครับ กาแฟก็มีหลายแบบ อันนี้แค่เครื่องดื่มนะ และยังมีอาหารมื้อหลักอีก เดี๋ยวไปหน้าเมนูภาษาอังกฤษดีกว่า บอกแล้วว่าหนามาก เมนูภาษาอังกฤษจริงๆ แล้วมื้อหลักที่เดี๋ยวเขากำลังจะเสิร์ฟมื้อแรก ก็จะแบ่งออกเป็นแค่เมนูญี่ปุ่นกับเมนู Western นะครับ ให้ดูญี่ปุ่นซึ่งพอเราออกจากโตเกียวก็แนะนำอย่างยิ่งเลยว่ามันเป็นครัวที่ญี่ปุ่น เราก็ควรจะเลือกเมนูอาหารญี่ปุ่น ซึ่งความเก๋ของเขาก็คืออันนี้คือเมนูหลากหลายอย่างที่เขาจะเสิร์ฟมาใช่ป่ะ แล้วกล่องเบนโตะแบบนี้เขาตีตารางมาให้เลยว่ากล่องไหนมันคืออะไร มีความเป็นญี่ปุ่นสูงมากเลยนะ น่ารักมากเลยนะ เดี๋ยวลองสั่งอันนี้เดี๋ยวดูว่ามันเสิร์ฟจริงอ่ะหน้าตาจะเหมือนกับในรูปนี้หรือเปล่า มาเสิร์ฟแล้ว มาดูว่าเหมือนในเมนูแค่ไหน มันน่ากินมากเลยนะ น่ากินมาก แล้วดูอันนี้คือในเมนู ก็คืออันนี้ และเขาก็แบ่งออกเป็นช่องอย่างนี้บอกว่ามีอะไรบ้าง มันดูดีมากเลย ก็จะมีปลาหมึกยักษ์แล้วก็มีกุ้ง มีเนื้อวากิว มีหอยเชลล์ แล้วก็มี Abalone ก็คือเป๋าฮื้อ นี่คือ Appetizer จริงๆ มันอิ่มได้ตั้งแต่กล่องนี้เลยนะมันไม่ต้องรอ Main Dish เลยอ่ะ ใช่ แล้วก็ห่อมาแบบญี่ปุ่นอันนี้เป็นลายที่ Japan Airlines ใช้มาอย่างยาวนานอยู่แล้วนะครับ ที่น่ารักมากก็คือมีนกกระเรียนมาให้นะครับ ตอนแรกคิดว่าให้เอากลับบ้าน ไม่ใช่ ไม่ใช่ เรานึกว่าเอาไว้ตกแต่งให้สวยๆ จริงๆ แล้วมันคือที่วางตะเกียบ น่ารักสุดๆ ไปเลย มา กิน Main Course มาแล้ว เราเลือกเหมือนกันใช่ไหม อะไรนะ เราเลือกเหมือนกันใช่ไหม ใช่ เลือกเหมือนกัน งั้นให้ดูของเธอ เหมือนกันก็ดูของใครก็ได้ กระดาษก็กินได้ อันนี้เป็นแซลมอน ก็คือปลาแซลมอนนั่นเอง และก็อันนี้เป็นหมู สเต็กหมู อันนี้ก็หมูเหมือนกัน อันนี้ก็หมูเหมือนกัน ส่วนอันนี้ ให้ทายว่าอะไร เราก็ต้องรู้สิเพราะว่าเราแกะมาแล้ว นี่ก็คือ ข้าวนั่นเอง จริงๆ เขามีเชือกให้ดึงออกได้ง่ายๆ แต่ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้น เหมือนสบู่ เป็นข้าวแบบมี 3 ร่องข้าวญี่ปุ่น และก้อันนี้เป็นซุปมิโซะ ผักดองหรอ ใช่ ชอบมาก ชอบกินผักดองมาก นี่คือมื้ออาหารของเราในวันนี้ ต่อไปเรามาดูหน้าจอความบันเทิงกันบ้างนะครับ จริงๆ มันไกลมาก แต่ว่ามันก็มีรีโมทคอนโทรลอยู่ตรงนี้ ที่แกะออกมาได้นะครับ หน้าตากะทัดรัดเลยทีเดียว เป็นทัชสกรีนที่ Responsive มากๆ เราดูมีหนังเรื่องไหนบ้าง เลื่อนจากในนี้ สมมุติว่าจะเอาเรื่องนี้ปุ๊บ ก็สามารถกด Play เพื่อที่จะไปอยู่จอใหญ่ได้นะครับ กับอันที่ผมชอบก็คือ Flight Map ที่โชว์อยู่ ก็ถ้าเกิดเราเลือกภาษาเสร็จนะครับ ตรงนี้มันจะคอนโทรลเหมือนกับเป็นเมาส์เลย เอาตรงไหนก็แตะตรงนั้นเลย มันคอนโทรลง่ายดี อันนี้เป็น Interface ที่เจ๋งดีครับ อีกอย่างหนึ่งที่เอาให้ดูก็คือเครื่องมี WiFi ด้วยนะครับ มี 3 ราคาด้วยกันก็คือมีแบบ 1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงหรือว่าจะครอบคลุมตลอดทั้งไฟล์ตเลย ราคาก็ประมาณนี้ เริ่มต้นที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ไปถึงทั้งไฟล์ตประมาณ 18.8 ดอลลาร์ โดยที่เขาไม่ได้ลิมิตจำนวนเดต้า ก็คือใช้ตามระยะเวลาได้เลย คือใช้ได้ไม่อั้นนั่นแหละ แต่ว่าความเร็วต่างๆ เวลาใช้อินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินก็จะไม่ได้เร็วมากอยู่แล้ว อันนี้ผมไม่ได้ลองให้ดูเพราะว่าไฟล์ตนี้ผมไม่ได้จำเป็นต้องใช้นะครับ ได้ไปนอนไปหลายชั่วโมงเหมือนกันนะครับ เพราะว่าที่นั่งแบบนี้พอปรับเป็นเตียงแบบนอนราบสุดอันนี้ขยับขึ้นมานิดหนึ่ง ก็จะนอนราบสุดเลย มันกว้างเหมือนกันนะ คือมันดีกว่าที่นั่งที่มันเป็นที่ซ้อนขา เพราะว่าพื้นที่ตรงขามันจะถูกจำกัดด้วยกล่องที่เราต้องสอดเข้าไปใช่ป่ะ แต่ว่าพอมาเป็นแบบนี้ซ้ายขวาคือมันโล่งหมดเลย แล้วก็ด้านบนจะชันเข่าจะนั่งอะไรด้านไหนมันมีพื้นที่ให้เรานอนได้เยอะพอสมควรนะครับ ถือว่าเป็นที่นั่งที่มันปรับนอนแล้วมันได้พักผ่อนมันโอเคเลยนะ ตอนนี้อีกประมาณ 2 ชั่วโมงนะครับ เราจะ Landing ที่ซานฟรานซิสโก เดี๋ยวเขาจะเสิร์ฟอาหารอีกมื้อหนึ่ง แต่ว่ามื้อนี้เขาจะให้เราเลือกได้เยอะมากเลย ก็อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะเลือกอะไรนะครับ ทาง JAL เขาเรียกว่าเป็น Light Snack ที่จริงๆ จะสั่งตอนกี่โมงก็ได้ สมมุติใครหิวก่อนหน้านี้ก็เปิดเมนูแล้วก็เรียกเขามาสั่งได้เลยนะครับ เมื่อกี้ลองสั่งไปเป็นข้าวไก่ทอดนะครับ เดี๋ยวรอดูว่าหน้าตาเป็นยังไง ตอนนี้ข้าวไก่ทอดก็มาแล้วนะครับ เดี๋ยวเราให้ดูหน้าตา เขาห่อซีลมา แกะให้ดู เป็นข้าวไก่ทอดแล้วก็จะมีไข่ม้วนมาด้วยน่ากินมาก แต่ว่าอะไรก็ไม่น่าประทับใจเท่ากับด้านนี้ จริงๆ วันนี้เราตั้งใจบินให้ตรงกับวันเกิดซู่ชิงพอดี แต่เราก็ไม่คิดว่า Japan Airlines จะรู้ด้วย เราไม่ได้บอกเขาเลย เขาเอามาเซอร์ไพรส์ ไหนโชว์สิ นี่ เมื่อกี้เขาเอามาให้นะคะ ก็มีการ์ดน่ารักมากเลย เป็นแบบ 3 ภาษา แล้วก็มีมาการองผลไม้ต่างๆ แยมสตรอว์เบอร์รี เขาน่ารักมากเลยนะ อิจฉาล่ะสิ เธออาจจะไม่เห็นว่าอีกด้านหนึ่งเขาเขียนว่า Happy Birthday ไม่เห็น ตอนที่บินจากกรุงเทพไปญี่ปุ่นก็มีของขวัญน่ารักๆ ให้แล้วรอบหนึ่ง แล้วก็อันนี้ก็น่ารักอีกแล้ว แล้วของขวัญจากเธอล่ะ เป็นหมาหรอ เอาใหม่ แล้วของขวัญจากเธอล่ะ ก็ Landing ถึงซานฟรานซิสโกเป็นที่เรียบร้อยนะครับ ไฟล์ตประมาณ 10 ชั่วโมง โดยรวมถือว่า Japan Airlines ทำ Business Class ได้น่าประทับใจนะ เราชอบอาหาร อาหารอร่อยทุกเมนู แล้วก็มีเซอร์ไพรส์ด้วย คืออาหารเด่นแล้วก็ลูกเรือบริการแบบอบอุ่นน่ารักนะครับ ที่นั่งก็ถือว่านอนพักผ่อนได้ ภาพโดยรวมโอเคเลย ใช่ครับ ก็เป็นรีวิวไฟล์ตจากเราสองคน ก็ช่วงนี้น่าจะเริ่มกลับมาเดินทางได้เยอะขึ้น อาจจะได้เห็นรีวิวไฟล์ตเยอะขึ้นนะครับ น่าจะกลับมาในอัตราใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ ใครที่คิดถึงก็รอติดตามกันไฟล์ตต่อๆ ไปด้วยนะครับ เราสองคนลาไปก่อนครับ บ๊ายบายครับ/บ๊ายบายค่ะ
2022-07-10 23:44